เกณฑ์ทหาร...กับหน้าที่ของลูกผู้ชายไทย
สวัสดีทุกท่าน เช้าวันอังคารของผมวันนี้ดูว่างเปล่าแต่เต็มไปด้วยงานและภาระหน้าที่มากมาย ผมยังดูเป็นคนขี้เกียจ แต่ก็ดีขึ้นนิดนึงสำหรับตอนนี้ ขอเล่าเหตุการณ์ช่วงที่ผ่านมาสองเดือนที่ไม่ได้อัพเดท บล็อกเรื่องราวชีวิตเลย ผมแทบไม่ได้จับกล้องเท่าไหร่ ล่าสุดที่จำได้ก็คงจะเป็นงานกลุ่มในวิชาถ่ายภาพสถาปัตยกรรม ว่าไปแล้วจับได้ไม่นาน
ตลอดสามเดือนผมแบกรับความกดดันอันนึงที่ดูว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยก็ว่าได้ ผมไม่ได้เรียน รด. เหตุผลก็เพราะว่ากลัวว่าตัวเองจะไม่ไหว หมายถึงร่างกาย สุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทนแดดทนฝนได้แต่กระดูกหลักที่เป็นปัญหาชีวิตมาตลอด บอกตรงๆเลยว่าผมไม่ชอบเลย ผมอยากมีอารมณ์แบบได้สัมผัสกับการเป็นทหารบ้าง ทุกคนพูดคุยกันอย่างภาคภูมิใจในการเป็น รด. ว่ามันสนุก มันสุดๆแค่ไหน แต่ก็อย่างว่าครับการที่ไม่ได้เรียนรด. ทำให้ผมมีเวลาเรียนมากขึ้น เกรดก็ดีขึ้นตาม เป็นผลทำให้ผมเข้ามหาลัยได้ เรารู้กันอยู่แล้วว่า ถ้าไม่ได้เรียน รด. จะต้องไปจับใบดำใบแดง คือเกณฑ์ทหารในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เมื่อครบอายุ 21
ผ่านมาเป็นเวลาหลายปีกับการใช้ชีวิต ม.ปลาย กับ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้ลืมคิดเรื่องนี้ไปเป็นครั้งคราว แต่ทว่าผมจะต้องทำการผ่อนผันการเกณฑ์ออกไป เพื่อเรียนให้จบก่อน ตามอายุแล้วผมได้ไปจับตอนอยู่ปีสาม ซึ่งก็คือตอนนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ผมเกิดความคิดบ้าๆขึ้นมา ผมไม่อยากผ่อนผัน ผมอยากรู้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ผมไม่อยากเก็บเรื่องนั้นมาคิด ตอนผมมีภาระอื่นๆเช่นตอนทำธีสีส พอจบผมจะต้องมาจับทหาร ซึ่งดูแล้วมันก็ไม่น่าจะเครียดหนิ การเป็นทหารไม่ได้เสียหายอะไร แต่ทำไมผมถึงกลัวการเป็นทหารจัง กลัวการลำบากหรือ? อันนี้ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ ผมอาจจะมีปมบางอย่างก็ได้ ผมจึงตัดสินใจสละสิทธิ์ที่จะผ่อนผัน แล้วเข้าจับเกณฑ์ทหารเลยทันที ช่วงเวลาที่ผมสละสิทธิ์แล้วทราบถึงวันเวลาที่จะต้องเข้าไปเกณฑ์เนี่ย เป็นช่วงเวลาที่กดดันเข้าไปอีก คูณสองเลย ผมแก้ไขปัญหาตรงนั้นด้วยการไม่คิดมาก ถ้าผมโดนใบแดงขี้นมา ก็เท่ากับที่เรียนมาสามปีก็ต้องดร็อปเอาไว้ ชีวิตจะเปลี่ยนไปทันที พ่อแม่คงไม่ชอบใจ แต่มันไม่ทันแล้ว ความคิดบ้าๆนั้นเป็นปัญหามาก มันผ่านไปเร็ว มาถึงวันที่เกณฑ์ทหาร เช้าวันนั้นผมไปคนเดียว ผมไปเจอเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เพื่อนเป็นรุ่นน้องซะหมด เพราะผมเรียนเร็ว เพื่อนคนนึงถามผมว่า "อ้าวเรียนอยู่หนิ ไม่ผ่อนผันหล่ะ"นั่นยิ่งทำให้เครียดเข้าไปใหญ่ เอาก็เอาวะ จับให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ผมลืมบอกไปว่า ผมตอนนี้ปล่อยตัวเองให้อ้วนมาก อันนี้น่าจะเป็นผลมาจากรู้ว่าจะเกณฑ์ทหารด้วย เลยพยายามกินเยอะๆเข้าไว้ แต่มันคงเยอะไป เพราะตอนเข้าไปจับทหารเดินมาชี้ให้ผมไปชั่งน้ำหนัก มันขึ้น 121 พระเจ้านี่หนักว่าที่คาดเอาไว้ สูงก็แค่ 178 นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาจับผมไปไว้ในบุคคลประเภท 4 ซึ่งก็คืออ้วนเกินค่า BMI ดัชนีมวลกายสูงเกินจะเป็นทหารได้ ความน่าอายก็เกินขึ้นตอนที่ผมนั่งรอสักพัก เขาก็มาบอกให้กลับบ้านได้ โดยการยกมือแล้วเขาจะเรียกชื่อผมว่าผมไม่มีสิทธิ์เป็นทหารได้ สายตาทุกคนจ้องมองมา ผมรีบวิ่งกลับบ้านอย่างด่วนเลย ไอ้โล่งมันก็โล่ง แต่ทำไมผมไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่เลย รู้สึกตัวเองกลายเป็นชายไทยที่อ้วนเกิน ไร้น้ำยา และนั่นก็คือแรงจูงใจสำคัญที่ผมบอกตัวเองว่า จะลดน้ำหนักเสียเลยดีกว่า นับตั้งแต่นี้......
PK.
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น